ติดต่อลงโฆษณา racingweb@gmail.com

ผู้เขียน หัวข้อ: Level#📌 D23E4 กรรมวิธีการทดสอบความหนาแน่นของดินในสนาม: คู่มือฉบับสมบูรณ์  (อ่าน 24 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Fern751

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,694
    • ดูรายละเอียด
Field Density Test หรือการทดสอบความหนาแน่นของดินในสนาม เป็นกระบวนการที่ใช้ตรวจทานคุณภาพของดินที่ถูกถมหรือปรับระดับในเขตก่อสร้าง เพื่อการันตีว่าดินมีความหนาแน่นรวมทั้งแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับโครงสร้างต่างๆได้ เป็นต้นว่า ตึก ถนน หรือเขื่อน การปฏิบัติงานทดลองนี้ต้องใช้ความสามารถ ความชำนิชำนาญ แล้วก็เครื่องไม้เครื่องมือที่สมควร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำและก็น่าเชื่อถือ

เนื้อหานี้จะชี้แจงวิธีการดำเนินงาน Field Density Test อย่างรอบคอบ รวมทั้งข้อควรไตร่ตรองแล้วก็ข้อแนะนำสำหรับในการใช้งานในสถานที่จริง



📢🌏⚡Field Density Test มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร?

Field Density Test มีวัตถุประสงค์หลักเป็นการประมาณค่าความหนาแน่นของดินในสถานที่ทำการก่อสร้างเพื่อเปรียบเทียบกับค่าความหนาแน่นมาตรฐาน (Maximum Dry Density หรือ MDD) ที่ได้จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ ยกตัวอย่างเช่น Proctor Test การเปรียบเทียบนี้ช่วยทำให้วิศวกรเชื่อมั่นได้ว่าดินในพื้นที่มีความแข็งแรงและก็ความมั่นคงพอเพียงต่อการรองรับน้ำหนักของส่วนประกอบ

-------------------------------------------------------------
นำเสนอบริการ เจาะดิน | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Boring Test บริการ Boring Test วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรม ทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
-------------------------------------------------------------

📌🦖🎯กรรมวิธีดำเนินงาน Field Density Test

มีวิธีการหลักที่นิยมใช้เพื่อการทดสอบ Field Density Test ซึ่งแต่ละแนวทางมีขั้นตอนแล้วก็รูปแบบการใช้งานที่ไม่เหมือนกันดังนี้:

1. Sand Cone Method
Sand Cone Method เป็นวิธีการยอดนิยมมากมาย เพราะว่าใช้งานง่ายและมีต้นทุนต่ำ กรรมวิธีการนี้มีขั้นตอนดังต่อไปนี้:

-จัดแจงพื้นที่ในการทดลอง
เลือกพื้นที่ทดลองที่มีการถมดินหรือปรับระดับเป็นระเบียบแล้ว
ชำระล้างผิวเพื่อกำจัดวัสดุส่วนเกิน
-เจาะหลุมในดิน
ใช้อุปกรณ์เจาะหลุมให้มีขนาดรวมทั้งความลึกที่ระบุ
-เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างดิน
นำดินที่ถูกขุดออกมาเก็บในถุงแบบอย่างเพื่อนำไปพินิจพิจารณาเพิ่มอีกในห้องทดลอง
-เพิ่มทรายมาตรฐาน
ใช้กรวยทรายเพิ่มเติมทรายมาตรฐานลงในหลุมที่เจาะ กระทั่งหลุมจะเต็ม
-คำนวณความจุของหลุม
วัดปริมาณทรายที่ใช้เพิ่มหลุมเพื่อหาปริมาตรของดินที่ถูกขุดออกมา
-คำนวณความหนาแน่นของดิน
ใช้น้ำหนักและก็ปริมาตรของดินที่ได้จากการเจาะหลุมในการคำนวณค่าความหนาแน่นของดิน

2. Nuclear Density Gauge Method
แนวทางการนี้ใช้เครื่องมือวัดที่อาศัยพลังงานกัมมันตรังสีในการวัดค่าความหนาแน่นของดินและก็จำนวนน้ำในดิน มีความแม่นยำสูงแล้วก็รวดเร็ว โดยกรรมวิธีดำเนินการมีดังนี้:

-เตรียมพื้นที่ทดลอง
เลือกพื้นที่ทดลองแล้วก็ชำระล้างพื้นผิว
-ติดตั้งเครื่องมือวัด
วาง Nuclear Density Gauge บนผิวดินที่ต้องการทดลอง
-ปฏิบัติงานวัด
เปิดเครื่องมือและปลดปล่อยพลังงานกัมมันตรังสีไปสู่ดิน เพื่อวัดค่าความหนาแน่น
-บันทึกผลลัพธ์
วัสดุจะแสดงค่าความหนาแน่นและปริมาณน้ำในดิน
-เทียบผลลัพธ์
นำค่าที่วัดได้มาเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน

⚡✨🥇สาเหตุที่มีผลต่อความเที่ยงตรงของ Field Density Test

1.ความชื้นในดิน
ความชุ่มชื้นในดินมีผลโดยตรงต่อค่าความหนาแน่น การตรวจวัดควรจะปฏิบัติการในสภาพการณ์ที่สมควร

2.สภาพผิว
ผิวดินที่ไม่เรียบหรือมีสิ่งของปะปนอาจจะส่งผลให้ผลของการทดลองคลาดเคลื่อนได้

3.การบำรุงรักษาเครื่องไม้เครื่องมือ
วัสดุอุปกรณ์ที่มิได้รับการดูแลอย่างเหมาะควรบางทีอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องแม่นยำ

4.ความเก่งของผู้ดำเนินงาน
การใช้เครื่องไม้เครื่องมือรวมทั้งจัดการทดลองปรารถนาความเก่งรวมทั้งความรู้เฉพาะทาง

🎯✅👉ข้อควรไตร่ตรองในการทำ Field Density Test

1.การเลือกพื้นที่แบบอย่าง
ควรเลือกพื้นที่ที่เป็นตัวแทนของรอบๆที่ปรารถนาทดลองทั้งผอง

2.ความสม่ำเสมอสำหรับในการทดสอบ
ควรปฏิบัติงานทดลองหลายคราในพื้นที่ต่างๆเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ไว้ใจได้

3.การจัดการวัสดุที่ทดลอง
รักษาตัวอย่างดินรวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือทดสอบให้ปราศจากจากการแปดเปื้อน

4.การใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม
เลือกขั้นตอนการแล้วก็เครื่องมือที่เหมาะสมกับลักษณะงานและความจำกัดของพื้นที่

📌🦖🎯ประโยชน์ที่ได้รับมาจาก Field Density Test

1.การันตีคุณภาพของดินในสนาม
Field Density Test ช่วยรับรองว่าดินมีคุณลักษณะที่เหมาะสมกับองค์ประกอบที่กำลังก่อสร้าง

2.ลดความเสี่ยงในอนาคต
การสำรวจความหนาแน่นของดินช่วยลดโอกาสของปัญหาในระยะยาว อย่างเช่น การทรุดตัวของโครงสร้าง

3.เพิ่มความเชื่อมั่นในความปลอดภัย
ส่วนประกอบที่สร้างบนดินที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจะมีความมั่นคงแล้วก็ไม่มีอันตราย

4.การกระทำตามมาตรฐานวิศวกรรม
การทดลองช่วยให้แผนการสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ด้านวิศวกรรมและก็กฎหมาย

🎯✅👉ข้อสรุป

Field Density Test เป็นแนวทางการที่ต้องมีให้ได้สำหรับงานก่อสร้างที่เกี่ยวกับดิน การดำเนินการทดลองอย่างถูกต้องรวมทั้งสมควรช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของดินและก็ความปลอดภัยของโครงสร้าง แนวทางการทำความเข้าใจกรรมวิธีทดลองแต่ละประเภท รวมทั้งข้อพึงระวังและต้นเหตุที่มีผลต่อผลสรุป จะช่วยให้การทดสอบมีประสิทธิภาพแล้วก็เห็นผลลัพธ์ที่แม่น

ด้วยความสำคัญของ Field Density Test การเลือกวิธีการแล้วก็เครื่องใช้ไม้สอยที่เหมาะสม รวมถึงการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติการ จะช่วยให้แผนการก่อสร้างไปถึงเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัยในอนาคต